วันศุกร์, พฤศจิกายน 09, 2555

วิธีสร้างไฟล์ robots.txt ทำอย่างไร


Robots.txt

               เคยได้ยินวงการเสี่ยว (SEO) ^_^ คุยกันถึงเรื่องโรบอต โรบอต หลายๆ ท่านสงสัยว่าโรบอตที่ว่านั้นคืออะไร ขออธิบายแบบง่ายๆ เลยละกันน่ะค่ะ ไฟล์ robots.txt คือไฟล์ที่อนุญาติให้บรรดา robot ทั้งหลายสามารถแวะเวียนเข้าเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ในเว็บไซต์ของคุณเรียกว่าเก็บทุกอย่าง ทุกระเบียดนิ้วเลยก็ว่าได้ bot จะเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปเพื่อทำเป็นดัชนีอินบ็อกนั้นเองค่ะ แต่อย่างได้สบายใจไปน่ะค่ะ bot นิแหละตัวดีเลยถ้าเราไม่รอบครอบละก็ ข้อมูลลับหรือข้อมูลที่คุณยังไม่อยากเปิดเผยหรือไม่อยากให้ใคร Search เจอก็สามารถถูกเปิดเผยได้ถ้าคุณไม่มีการจำกัด robot ว่าไม่ให้เก็บข้อมูลนั้นๆ แล้วด้วยเหตุนี้เราจะมีวิธีการสร้างไฟล์ robots.txt อย่างไรที่จะสามารถจำกัดการเก็บข้อมูลได้ เรามาดูวิธีสร้างไฟล์ robots.txt และวิธีการป้องกันไม่ให้ bot เห็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเปิดเผยอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

วันเสาร์, ตุลาคม 20, 2555

การเช็ค OnPage ในการทำ SEO

                 มาแล้วๆ ค่าาาา จากที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่กับการบอกเล่าเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการทำ SEO วันนี้เลยของจัดทริปเล็กๆ เกร็ดความรู้น้อยๆ ที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะนำไปปรับใช้หรือเป็นการไขข้อข้องใจให้คุณได้ไม่มากก็น้อยค่ะ วันนี้ของพูดกันใน หัวข้อ "การ Check OnPage สำหรับการทำ SEO" จะต้องเช็คอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยค่ะ

การเช็ค OnPage ในการทำ SEO

1. Title Tag ซึ่งถึอว่าเป็นแท็กที่มีความสำคัญมากที่สุดในการทำSEO แท็กนี้สำคัญที่สุดค่ะ การใช้ Title Tag ก็ไม่ใช่ว่าจะมาใส่กันเป็น meta keyword แต่เป็นการแค่ใส่คีย์หลักที่สำคัญ และที่สำคัญจะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาเว็บด้วยน่ะค่ะ

2. Keyword in Domain ตั้งชื่อโดเมนที่สื่อถึง Keyword นี้ก็สำคัญใช่เล่นที่ไหนละค่ะ การทำ URL ให้สื่อความหมาย ID อะไรไม่สำคัญเพราะ Search Engine ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร  ^_^

3. Keyword in H1-H6 อุ๊ย!! ข้อนี้ก็ลืมไม่ได้น่ะค่ะ ซึ่งมันคือการแท็กเพื่อแสดงความสำคัญของหัวข้อต่างๆ จากมากไปน้อย เพราะการใส่  Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อนั้นสำคัญและช่วยได้มากเลยทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะ H1 แต่ไม่ต้องกลัวว่าขนาดจะใหญ่จนเกินงามน่ะค่ะ เพราะเราสามารถปรับแต่ง css ได้ค่ะ

4. Keyword in Meta Description การใส่คำอธิบายสั้นๆ ไม่เกิน 160 ตัวอักษร และอย่าลืมเอา Keyword ใส่ลงไปด้วยน่ะค่ะ

5. Keyword in Content แน่นอนว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณจะต้องมี Keyword ซึ่ง Keyword ที่พบในการค้นหาจาก Google นั้นส่วนใหญ่มาจาก Keyword ในบทความทั้งนั้นค่ะข้อนี้สำคัญมากห้ามลืมเด็ดขาดเลยน่ะค่ะ

6. ALT ไม่ใช่ที่ใส่ Keyword นะค่ะ หลายๆ คนชอบเข้าใจผิดตลอดๆ แท็กนี้เค้ามีไว้ให้ใส่คำอธิบายรูปภาพ แต่ถ้าต้องการเอาKeyword ไปใส่ก็สามารถใส่ได้เช่นกันค่ะ แต่ภาพนั้นจะต้องสื่อความหมายตรงกับ Keyword ด้วยนะค่ะ ไม่งั้นจะโดนแบนไม่รู้ตัว อิอิ ^_^

7. การใส่ Keyword เยอะเกินไปจนดูผิดปกติโดยตั้งใจ ควรจะให้อยู่ราวๆ 3-7 % สำหรับ Keyword หลัก ส่วนคีย์อวิร์ดรอง 1-2% ก็พอ แต่อย่าให้เกิน 10 % เพราะมันจะดูเยอะเกินไปและอาจเป็นผลเสียในอนาคตได้ค่ะ

8. Tag strong, em พวก ตัวหนา ตัวเอียงก็อย่าลือเกร็ดเล็กแบบนี้เด็ดขาดน่ะค่ะ เพราะพวก Search Engine มันจะจับว่าเราให้ความสำคัญกับ Tag นี้นั้นเองค่ะ

9. sitemap นี้ก็สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ ควรทำไว้สำหรับเว็บคุณด้วยน่ะค่ะ เพราะเวลา Search Engine มาเจอเว็บคุณถ้าเจอหน้านี้ก็เท่ากับเจอทุกๆ หน้าเลยค่ะ

10. Hyphens in URLs คือการทำเครื่องหมาย  _  (underscore)ระหว่าง URLs ค่ะ นอกจากจะช่วยให้อ่านง่ายขึ้นแล้วยังมีผลทำงาน SEO ด้วยน่ะค่ะ เพราะ Search Engine จะมองแบบนี้ค่ะ เช่นคำว่า บทความ-seo เห็นเป็น บทความ seo แต่หากคุณทำแบบนี้  บทความ_seo จะมองเห็นเป็น บทความseo ค่ะ


ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก seo.clisk.co.th

วันอาทิตย์, กันยายน 16, 2555

สถิติการใช้งาน Facebook ของประชากรไทย

              คุณรู้หรือไม่ว่าแต่ละวันสถิติการใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมีมาน้อยแค่ไหน วันนี้เลยนำ Infographic "สถิติการใช้งาน Facebook ของประชากรไทย" มาฝากค่ะ คุณศรุจ ชววิสุทธิกูล และอาจารย์ที่ปรึกษา รวมถึงวิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล เป็นทีมผู้ทำวิจัยเรื่องนี้ค่ะ 
http://www.obvoc.com/wp-content/uploads/2012/08/wpid-Photo-Aug-5-2012-1503.jpg



ขอบคุณข้อมูลจาก www.obvoc.com 

วิธีดึงดูดผู้มุ่งหวังด้วย 3 เคล็ดลับเชิงจิตวิทยา

วิธีดึงดูดผู้มุ่งหวังด้วย 3 เคล็ดลับเชิงจิตวิทยา

                  วันนี้ของนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ที่อ.ธนกรได้นำเสนอไว้ในบล็อค ซึ่งเป็นเคล็คลับเชิงจิตวิทยา อ. ธนกรเล่าว่า ซึ่งสรุปเนื้อหาใจความได้ดังนี้ค่ะ

3 เคล็คลับเชิงจิตวิทยาเพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง 

1. พยายามค้นหาว่าเป้าหมายและความฝันของผู้มุ่งหวังคนนั้นของเราคืออะไร และพยายามขาย (โดยการพูด/ชวน/สนับสนุน/ให้กำลังใน/แก้ปัญหา/ให้คำแนะนำ) โดยไม่ลืมที่จะเชื่อมโยงกับเป้าหมายและความฝันของผู้มุ่งหวังอยู่ตลอดเวลา
2. ชื้นชมและให้กำลังในผู้มุ่งหวังอยู่เสมอ
3. มีความรู้สึกในทางบวก สร้างสรรค์ และมองโลกในแง่ดีกับผู้มุ่งหวัง

วันอังคาร, กันยายน 04, 2555

Google Penguin เป็นแบบนี้นี่เอง!


                Google Penguin คืออัลกอริทึ่มที่ Google ได้ปรับใหม่ และที่หลายท่านได้ยินว่าเป็นตัวที่ทำให้ Google รวยขึ้น ซื่อเป็นอัลกอริทึ่มที่ไม่ได้มีเป้าหมายช่วยให้ผลลัพธ์การค้นหาน่าสนใจขึ้นเลย แต่กลับทำให้ AdWords มีรายได้มากขึ้นมากกว่า

Google Penguin เป็นแบบนี้นี่เอง!

                จากภาพด้านบน เป็นการทดลอง Saerch Google โดยให้คำค้นหาว่า 'Rent a house' และแนะนอนว่ากาค้นหาทุกครั้ง Google จะดู IP Address เพื่อหาผลลัพธ์ที่ตรงกับที่อยู่ประเทศหรือเมือง (Local)นั้นๆ ให้

ทำความเข้าใจกับ Conversion Rate


Conversion Rate

                Conversion Rate คือการเพิ่มรายได้ให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะทำ AdSense, Affiliate หรือขายของบนเว็บ การเข้ามาสมัครสมาชิก หรือแม้แต่การเข้ามาในหน้าเว็บเพจ Contact Us และอีกมากมาย มันคือเป้าหมายของคุณที่คุณต้องการและได้ตั้งเป้าเอาไว้

                ยกตัวอย่าง ผู้ชมในวันนี้ 100 คนแต่คนซื้อหรือคนคลิกที่ทำเงินให้คุณมีแค่ 10 คน ค่า Conversion ก็จะเท่ากับ 10% เท่านั้นเอง แต่สำหรับเลขที่ไม่ลงตัวแบบนี้ คุณต้องใช้สูตรคือ  ขายได้ 10 คน / 100 X 100% = 10%

                 Conversion Rate  ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้งานของคุณเสร็จสิ้น แต่ถ้าเว็บคุณยังไม่มี Traffic ก็อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องใดอื่นเลย ทำ Traffic ให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำเรื่อง Conversion จะดีกว่าคะ สรุปก็คือ จำนวนของค่า Conversion Rate% บ่งบอกความเก่งในการ Optimize web page หรือ Landing Page ของคุณ


ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : www.seodml.com 

Keyword (Not Provided) ใน Google Analytics คืออะไร


           
               หลายคนอาจได้เห็นว่ามีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณด้วย Keyword ที่หลายหลาย และเป็นหนึ่งปัจจัยที่คุณจะได้รู้ว่าผู้ชมต้องการอะไร ชองอะไร ในเว็บไซต์ของคุณบ้าง และแน่นอนว่าเมือคุณทราบถึงความต้องการแล้วคุณก็จะทุ่มให้กับ Keyword เป็นพิเศษเพื่อให้ได้ Traffic เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
แต่เอ๊ะ!! หลายท่านอาจเคยเห็น (Not Provided) ในช่องแสดง Keyword ใน Google Anlytics แล้วสงสัยว่าทำไม Keyword ที่มีผู้ชมสูงสุดต้องแสดงคำว่า (Not Provided) วันนี้เลยมาไขข้อข้องใจให้สำหรับท่านที่ยังสงสัยอยู่นะคะ

App สำหรับ SEO Manager


SEO Manager App

               วันนี้ขอแนะนำ App สำหรับเช็ค Ranking สำหรับเว็บคนไทย keyword ไทย สำหรับ SEO Manager บน iPhone ตัวนี้ให้มากกว่า App Free ทั่วไป แนะนำชาว SEO ทั้งหลายลองโหลดมาเล่นกันดูนะนะคะ มันสามารถเช็คอันดับ Keyword ได้บน Google ทุกประเทศ รวมทั้ง Keyword ได้ทุกภาษา กับเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 1.8 ที่ซ่อมแล้วเพื่อให้ทำงานกับ Algorithm หลัง Penguin นี้

วันเสาร์, สิงหาคม 18, 2555

เทคนิคดีๆ ในการเพิ่มผู้เยี่ยมชมเว็บ/บล็อก ด้วย Social Madia

Facebook Share Button
               สวีดัด สวัสดีค่า วันนี้มีเรื่องดีๆ เทคนีดเจ๋งๆ มาฝากเช่นเคยคะ จากได้ห่างหายไปนานนนนนน = =" พอสนควร เอ๊ะๆ วันนี้มี เทคนิคการเพิ่มผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์/บล๊อก ที่ง่ายแสนง่าน จุ๊ๆ อ.ธนกร ท่านว่างั้นอ่ะคะ แต่ท่านรับรองว่ามีประสิทธิภาพมากๆ อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คิดมาก่อนเลยว่า มันจะทรงพลังเช่นนี้ (อาจารย์ก็ยังใช้ศัพท์ได้อย่าง over acting เหมือนเดิมนะคะ = =")

นั่นก็คือ Facebook Share Button หรือปุ่ม ‘แบ่งปัน’ ของ Facebook ตัว F ที่คุ้นเคยนั่นเองคะ
                 การทำงานของมันก็คือ เมื่อมีคนมาอ่านบล๊อกของคุณ แล้วเขารู้สึกถูกใจในสิ่งที่คุณเขียน และอยากจะ ‘แบ่งปัน’ ให้เพื่อนๆ ใน Facebook ของเขา เขาก็จะคลิกที่ปุ่มสีฟ้านั่น แล้วระบบก็จะถาม username/password ของ Facebook ของเขา เมื่อเขาใส่ username/password เสร็จเล้ว ระบบก็จะเอาส่วนหัวของบทความนั้นไปโพสต์ในหน้า Facebook ของผู้อ่านคนนั้นทันที (ยังมี option ให้เลือกรูป และปรับข้อความได้ ก่อนที่จะ confirm การโพสต์) โฮ้!! ยั่ง งี๊ นี้ เองงงง

Facebook ตั้งเวลาได้แล้ว


         Facebook ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ Scheduled Post หรือการตั้งเวลาโพสต์บนเฟสบุ๊ค (คล้ายๆ Post Planner) วันนี้เราจะมาดูกันว่า Feature นี้ใช้อย่างไร และส่งผลดีให้กับนักการตลาดออนไลน์อย่างไร
จะเห็นได้ชัดว่า Facebook เอาใจนักการตลาดออนไลน์ โดยเพิ่ม feature นี้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับองค์กร หรือบุคคล ที่ใช้ Facebook เป็นฐานในการติดต่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับทั้ง “ผู้มุ่งหวัง” และ “ลูกค้า”
          โดยปรกติแล้ว การใช้ Facebook ช่วยทำการตลาด หลักๆ คือใช้ในการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์กับผู้มุ่งหวัง ผ่านการโพสต์/แชร์ข้อความ รูปภาพ วีดีโอ หรือประชาสัมพันธ์ความเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆ (ดาวน์โหลด e-Book “Best Practice Facebook Marketing” ภาคภาษาไทยได้ ที่นี่ครับ)
          ผลจากการสำรวจ และการทดลองของผมเองพบว่า ช่วงเวลาที่โพสต์ออกไปแล้วมีการตอบรับสูงสุด คือหลังเลิกงาน และนอกเวลางาน หลายๆ ครั้งพบว่าวันที่เหมาะสมคือวันอังคารเช้า วันศุกร์เย็น และวันเสาร์-อาทิตย์ทั้งวัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Admin ของเพจจะต้องอยู่ที่หน้าจอ เพื่อโพสต์ข้อความที่ต้องการในวัน-เวลาที่กำหนดไว้ในแคมเปญ
          ด้วย Feature การตั้งเวลาโพสต์บน Facebook Timeline นี้ จะทำให้นักการตลาดไม่ต้องคอยให้ถึงวัน-เวลาที่กำหนดแล้วจึงค่อยโพสต์ออกไป เราสามารถตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าได้เลย (อนึ่ง เราสามารถโพสต์ย้อนหลังได้ด้วย สำหรับกรณีที่ต้องการแทรกโพสต์ให้ตรงกับวัน-เวลาของเหตุการณ์นั้นจริงๆ ใน Timeline)
         เคล็ดลับของ อ.ธนกร นั้นก็คือ Application ที่ทำได้มากกว่าฟีเจอร์นี้ซะอีก และก็เป็น Application ที่มีส่วนทำให้ Facebook Like เพิ่มจาก 1,xxx เป็น 6,000 กว่า Like ภายใน 2 เดือนที่ผ่านมานี้จร้าาา

วันอังคาร, พฤษภาคม 15, 2555

5 วิธีทำให้คนกด Like เยอะๆ ในแฟนเพจ (Fan Page)

              วันนี้ได้เข้าไปอ่านบทความในเว็บไซต์ การทำการตลาดออนไลน์ ของ อ.ธนกร จึงขอหยิบอีกหนึ่งบทความดีๆ มาฝากคุณผู้อ่านค่ะ นั้นคือ "5 วิธีทำให้คนกด Like เยอะๆ ในแฟนเพจ (Fan Page) ของเรา" ซึ่งหนึ่งในกระบวนการของการตลาดก็คือ การสร้าง Brand Awareness หรือการทำให้ผู้คน (โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของเรา) รู้จักเรา และอีกหนึ่งกระบวนการที่สำคัญก็คือ การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
              ฟีเจอร์ "ถูกใจ" (กด Like) ของ Facebook นั้นเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมากที่ช่วยในกระบวกการทั้งสองนี้ เหตุเพราะว่าเมื่อให้สักคนกดไลค์ให้หน้าเพจ รูป หรือข้อความอัพเดทในเพจของเรา เพื่อนๆ ของเขาจะเห็นเหตุการณ์นี้ในกระดานข้อความของบุคคลนั้น เมื่อเพื่อนๆ ของเขาเห็น และสงสัยหรือสนใจ ก็จะคลิกเข้ามาดู ซึ่งก็อาจทำให้เกิดการคลิก Like ต่อไปอีกเรื่อยๆ (เป็น Viral Effect) หรือไม่ก็คลิก Like หน้าแฟนเพจของเราให้อีก นี่แหละคือสิ่งที่บอกว่าปุ่ม Like มันช่วยในกลไกการสร้าง Brand Awareness ให้กับเรา
               นอกจากนั้น เมื่อเราโพสต์ข้อความอัฟเดทใหม่ ๆ ใครก็ตามที่เคยมากด Like ให้หน้าแฟนเพจของเราจะได้รับ (เห็น) โพสต์ใหม่ของเรานั้นทันที (บน News Feed ขอเขา) ไม่ว่าเราจะโพสต์รูป ลิ้ง ข้อความ ฯลฯ ก็เห็นหมด ซึ่งก็เป็นการสนับสนุนในเรื่องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย

วันพุธ, เมษายน 18, 2555

กลยุทธ์การใช้ Facebook ทำการตลาดออนไลน์

1. สร้าง  

              สิ่งแรกที่คุณต้องทำเลยก็คือการสร้างหน้าเพจ หรือ Facebook Fan Page  เพราะหน้าเฟสบุ๊คคือที่ๆ เราใช้สื่อถึงความ “มีตัวตน” ของเรา หรือธุรกิจของเราใน Social Graph (แผนที่การเชื่อมโยงผู้คนและสิ่งต่างๆ ในโลก Social Media) และถ้าคุณมีร้านค้า/สถานที่ประกอบกิจการเป็นหลักแหล่งคุณต้องไม่ลืมเชื่อมโยงด้วย  Place คุณอาจจะใช้  Social Plugins,  Graph API หรือ   Apps เพื่อทำให้ผู้มุ่งหวังของคุณได้รับประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ โดยเข้าหาและปรับให้เหมาะกับผู้มุ่งหวังเป็นรายคนไปเลยยิ่งดี

 2. เข้าหา

              หาวิธีที่จะเชื่อมต่อ และสร้างกลุ่มผู้ชื่นชอบคุณ เพื่อที่คุณจะเข้าถึงได้ ทั้งนี้ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นวิธีที่ทำได้เร็วก็คือใช้   Facebook Like Ads และเมื่อได้ฐานกลุ่มผู้ชื่นชอบคุณแล้ว ก็ใช้   การโพสต์ข้อความสื่อสาร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก

วันพฤหัสบดี, เมษายน 12, 2555

11 วิธีง่ายๆ สร้าง Backlink ให้เว็บไซต์

               เทคนิคดีๆ ที่ได้จากบทความของ อ.ธนกร ชั่งเป็นประโยชน์แก่พวกเราชาว SEO junior เหลือเกินเชียว เรื่อง Backlink ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญมากในการทำ SEO ซึ่ง อ.ธนกร ได้ให้คำแนะนำไว้ใน
บทความ "11 วิธีง่ายๆ ในการสร้าง Backlink ให้เว็บของคุณ"
               ในบทความได้มีการแนะนำถึงวิธีถักสาน "โครงข่ายแห่งลิงค์" ที่จะช่วยดึงดูดผู้คนให้เข้ามายังบล๊อกของคุณโดยอัตโนมัติ ด้วยการใช้พลังแห่ง backlink นั่นเอง (-_-)! มันคือพลังที่มหาศาลมากมายเลยทีเดียว
               บ้างทีคุณอาจจะกำลังตั้งคำถามในใจอยู่ก็ได้ ว่า... "แล้วอะไรคือเจ้า Backlink ล่ะ แล้วทำไมฉันต้องสนใจมันด้วย"
               อ.ธนกร ได้ให้คำอธิบายอย่างง่ายๆ ว่า backlink ก็คือลิงค์ที่เชื่อมกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นเอง จำนวน backlink ที่มากขึ้นจึงแสดงถึงความนิยมของเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น จำนวนคนเข้าชมเว็บที่สูงขึ้น และ Google ก็รักคุณมากขึ้นด้วยเช่นกัน เจ้า backlink นี้บางครั้งอาจถูกเรียกว่า "incoming link" หรือ "inbound link" 
               ถ้าคุณมองว่าบล็อกของคุณเป็นเสมือนตัวแมงมุม เจ้า backlink ทั้งหลายก็จะเป็นใยแมงมุมที่เชื่อมโยงสู่ใจกลาง ในขณะที่ผู้เยี่ยมชมเว็บเป็นแมลงที่บินเข้ามาติดใยรอเวลาเป็นอาหารเย็นของแมงมุมนั้นเอง (อ.ธนกร อธิบายซะสยอง!! (>..<)! )
แล้ว 11 วิธีง่ายๆ ในการสร้าง backlink ให้เว็บของคุณ ที่ว่านั้นคืออะไรบ้าง ดังนี้ค่ะ

วันเสาร์, มีนาคม 31, 2555

20 เคล็ดลับ ในการสร้าง Blog และเขียนบทความ

                วันนี้มีโอกาสได้เข้าไปอ่านบทความ จาก อ.ธนกร ท่านใดที่อยู่ในวงการการทำการตลาดออนไลน์ น่าจะรู้จักกันน่ะค่ะ ทุกครั้งที่เข้าไปอ่านบทความของอาจารย์ก็จะได้คำแนะนำ แนวทางดีๆ กลับมาทุกครั้งเลยทีเดียว และวันนี้ได้อ่านบทความนึงต้องบอกเลยว่ามีความสำคัญมากมายเลยทีเดียวสำหรับผู้ที่ กำลังสร้าง Blog หรือ เขียนบทความ ต่างๆ อยากให้ท่านได้เอาไปเป็นแนวทางนั้นคือ 20 เคล็ดลับ ในการสร้าง Blog และเขียนบทความ ความรู้ดีๆ แบบนี้ ต้องแบ่งปันกันหน่อยจิงมั้ย ^____^ ขออธิบายแบบสรุปให้ฟังกันง่ายๆก็แล้วกันน่ะค่ะ..
               1. เรียนรู้การใช้งาน Blogging Platform ของท่านให้คล่อง
                   ไม่ว่าจะเป็น  WordPress, Joomla, Drupalหรือจะเป็น Blogger.com จะเป็น Platform ใดก็แล้วแต่ ท่านก็ควรที่จะเรียนรู้การใช้งานมันให้คล่อนแคล่ว เช่น การปรับ format ของคำ/ประโยค/ย่อหน้า รวมถึงการให้เครื่องมือต่างๆ ความปรับให้สวยงามและหน้าอ่านด้วยน่ะค่ะ

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 22, 2555

แลกลิงค์ฟรี

               แลกลิงก์ฟรีๆ ง่ายแสนง่าย ค่ะ เพียงแค่คุณนำโค้ดลิงค์ของ MoneyBox Online ไปแปะไว้เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น หลังจากวางเสร็จแล้ว รบกวนส่งข้อมูลมาแจ้งตามนี้น่ะค่ะ
               1. URL เว็บเพจที่คุณนำโค้ดลิงค์ของ MoneyBox Online ไปวางค่ะ
               2. โค้ดลิงค์ของคุณ
แล้วส่งมาที่ taivas007@gmail.com ค่ะ แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ง่ายนิดเดียวค่ะ ^___^



size : 88*31








MoneyBox Online สนุนสนับการแลกเปลี่ยนลิงก์เพื่อการโฆษณา ทุกอย่างทุกประเภทบนโลกใบนี้ค่ะ ^_^

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 15, 2555

วิธีเช็คว่าเว็บไซต์ติด Google Index รึป่าว

           ถ้าคุณอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ Google จะรู้จักเว็บไซต์หรือบล๊อกของคุณ คุณก็สามารถเช็คได้ง่ายๆ นิดเดียวค่ะ โดยการเข้าไปที่ Google.com พิมพ์ site:URL เว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่น site:moneybox-online.blogspot.com/ ตามนี้ค่ะ ถ้า Google มีข้อมูลเว็บไซต์ของคุณอยู่ใน index แล้วจะเห็นเว็บเพจของคุณแสดงในหน้า SERP เองค่ะ ไม่ต้องใจร้อนน่ะค่ะ เพราะการติด index นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ เช่นคุณใช้โดเมนเนมเก่าหรือใหม่แค่ไหน เนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณอัปเดตแค่ไหน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ติด index ได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ ขอเตือนน่ะค่ะ อย่าทำอะไรให้ Google เกิดความไม่ประทับใจ เพราะถ้ามีอะไรผิดปกติผิดธรรมชาติละก็ ระวังจะโดน Google Sendbox หรือ Google De-Index แบนเว็บไซต์ของคุณน่ะค่ะ ขอบอก!!

aa
วิธีเช็คการติด Index

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 08, 2555

กฎข้อห้ามของ Google AdSense

  • ห้ามทำการดัดแปลง Code ได้มาอย่างไรก็ใส่เข้าไปในเว็บของคุณแบบนั้น ห้ามทำการเปลี่ยนโดยเข็ดขาด
  • ห้ามคลิกโฆษณาของตัวเอง หรือให้เพื่อน ๆ ช่วยคลิก หรือทำในลักษณะ ร่วมด้วยช่วยกันคลิก
  • ห้ามเขียนคำเชิญชวนให้คลิก หรือเขียนหลอกผู้ใช้เพื่อให้คลิก ตัวอย่างเช่น "ช่วยคลิกเพื่อสนับสนุเว็บเรา" ให้ใช้ได้แค่ "sponsored  links" หรือ "advertisements." เท่านั้น
  • เมื่อคลิกโฆษณา Google AdSense จะต้องไม่เปิดหน้าใหม่ขึ้นมา (_blank)
  • ทำเนื้อหาอย่างเดี่ยว แล้ว Copy ออกมาเป็นหลาย ๆ หน้า
  • ห้ามวาง Google AdSense ในหน้าที่มีการ Download พวก MP3 , Clip Video , News Group ต่าง ๆ หรือหน้าเว็บเปล่า ๆ ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรเลย
  • ห้ามวาง Google AdSense ไปในเมล์ลิส ที่ส่งไปหาสมาชิกเว็บไซต์ของคุณ
  • ห้ามวาง Google Adsense ในหน้าที่ทำขึ้นมาเพื่อ เฉพาะเจาะจงเที่จะให้แสดง Google Adsense 
  • ห้ามวาง Google AdSense ที่ Pop Up 
  • ห้ามใช้ซอฟต์แวร์เพื่อบังคับให้คลิกโดยอัตโนมัติ
  • ห้ามใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำการโปรโมทเว็บของคุณ เช่น Web Promotor 
  • เคารพเครื่องหมายการค้าของ Google อย่าเอาแบนเนอร์ หรือโลโก้ ของ Google มาใช้โดยเด็ดขาด 
  • องค์ประกอบของเว็บเพจจะต้องไม่ไปบดบังคลุมเคลือ Google AdSense และสีโฆษณา จะต้องเป็นสีเดียวกับองค์ประกอบของเว็บเพจแม้กระทั่งตัวหนังสือและตัวอักษรจะต้องมอง เห็น
  • ถ้ามีอีเมล์ของ Google มาหา หรือเตือนอะไร ๆ บางอย่างในสิ่งที่คุณทำผิด ให้รีบตอบอีเมล์นั้นทันที
  • ห้ามวางรูปไว้ใกล้ Ads เพื่อหลอกให้ผู้เข้าชมเว็บหลงคลิก คิดว่าเป็นเนื้อหาของรูปนั้น ๆ

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 29, 2555

การเขียน Title ยังไงให้น่าคลิกสำหรับการทำ SEO

            หลักการทำ SEO แท้จริงแล้วก็คือ การสร้างผู้ชมให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่การทำ Ranking อย่างเดียว ถึงแม้ว่าเว็บของคุณจะมี Ranking ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเขียน Title แล้วอ่านไม่จูงใจไม่ตรงประเด็น ก็ทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามาดูเว็บเพจของคุณได้ค่ะ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในการทำ Ranking  ดังนั้น การเขียน Title นั้นสำคัญมากในทุก ๆ กรณี และไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
           ถ้าคุณเห็นว่าการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย และคุณก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรมาก แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ควรยกเว้นเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งน่ะค่ะ ถ้าคุณไม่ทำอะไรเกี่ยวกับ SEO เพื่อเว็บไซต์ของคุณเลย ก็ขอให้อย่างน้อยทำ Title ของคุณให้ดีก่อนดีกว่าค่ะ
           การใช้ keywords ให้เหมาะสบสำหรับการเขียน Title กับทุกๆ เว็บเพจของคุณมีผลมากกับการทำ Rankingในสายตา Google โดยเฉพาะในหน้าแรกหรือโฮมเพจของเว็บไซต์ Title เป็นตำแหน่งของเว็บเพจที่จำเป็นอย่างยิ่ง คุณต้องใส่คีย์เวิร์ดของเนื้อหาเข้าไปด้วย เพราะเป็นส่วนแรก ๆ เลยที่ Google ให้ความสำคัญ และวิเคราะห์ว่าเว็บเพจแต่ละหน้านั้นมีเนื้อหาเรื่องออะไร เพื่อการจัดการ Ranking ในคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณใช้ซอฟต์แวร์สร้างเว็บไซต์ทั่วๆ ไป Title ในหน้า HTML จะแสดงให้เห็นอยู่ในคำสั่งหรือ Tag <title>............</title>
           สำหรับการตั้งชื่อ Title ให้โฮมเพจนั้น ก็จะเหมือนกับการตั้งชื่อเว็บเพจแต่ละหน้า และจำนวนคำทั้งหมด (รวมทั้งคีย์เวิร์ค) ก็ไม่ควรมีมากเกิน 10 คำ หรือ 60 ตัวอักษร ดังนั้นใช้ให้คุ้มค่า
           สำหรับโฮมเพจแล้ว ก็ไม่ควรใส่ชื่อบริษัทหรือชื่อของคุณลงไปเพื่อสร้างชื่อเสียงตรงนี้ เพราะมันไม่จำเป็น นอกซะจากว่าบริษัทของคุณจะโด่งดัง และมีคนต้องการค้นหากันมากในแต่ละวันอยู่แล้ว Title เป็นอันดับแรกๆ ถ้ามันไม่พบคีย์เวิร์ดที่สำคัญ ๆ ที่กำลังต้องการจะค้นหา Google ก็จะอาจมองข้ามเว็บเพจของคุณไปได้ทันที

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 19, 2555

Google Webmaster Tools ช่วยทำ SEO

             Google Webmaster Tools เป็นบริการฟรีดีๆ ของ Google ซึ่งบริการนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเว็บมาสเตอร์หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ ในการทำ SEO กับ Google เป็นหลัก เมื่อใช้ Google Webmaster Tools มาช่วย เราก็ไม่ต้องทำ SEO แบบสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างเพราะ Google Webmaster Tools เตรียมเครื่องมือพื้นฐานในการทำ SEO ไว้ให้เราพร้อมแล้ว นอกจากนี้ยังช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์ของเราอีกด้วยว่า ยังมีจุดบกพร่องในเรื่องการทำ SEO ตรงไหนบ้าง เช่น วิเคราะห์ว่า Googlebot พบปัญหาในการเข้ามาเก็บข้อมูลหรือไม่อย่างไร
             สรุป Google Webmaster Tools จะช่วยให้เราวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเราได้ และจะนำไปสู่การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Googlebot ช่วยให้ Googlebot เข้ามาเก็บข้อมูลได้ง่าย ครบถ้วนและรวดเร็ว อีกทั้งมีเนื้อหาสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือขึ้น ได้รับความนิยมขึ้น มีทราฟฟิกมากขึ้น และติดอยู่ในอันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Google ได้ค่ะ

การสร้างโค้ด Google AdSense

             สำหรับคนที่ได้รับการอนุมัติแล้วให้ sign in เข้าระบบอีกครั้งด้วยอีเมลและพาสเวิร์ดที่ใช้ในตอนสมัครน่ะค่ะ พอเข้าไปได้แล้วจะเห็นเงื่อนไขในการใช้งานของ Google AdSense อยากให้อ่านข้อตกลงนิสนึงค่ะ เพื่อประโยชน์ขอตัวคุณเองน่ะค่ะ
เมื่อเข้าสู่ระบบ Google AdSense ได้แล้วเราจะมาสร้างโค้ดโฆษณาเพื่อนำไปติดไว้ที่เว็บไซต์ของเราตามขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ
            1. คลิก AdSense Setup
            2. ทำการเลือกรูปแบบโฆษณาที่คุณต้องการ ซึ่งมีอยู่ 4 รูปแบค่ะ
    • AdSense for Content
    • AdSense for Search
    • AdSense for Feeds
    • AdSense for Domains

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 17, 2555

ค่าตอบแทนจาก Google AdSense

ค่าตอบแทนของ Google AdSense ซึ่งโฆษณาจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้ค่ะ

1. โฆษณาที่เกี่ยวข้องเนื้อหาของเว็บไซต์ (AdSense for Content) 
          เป็นโฆษณาที่จะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ เช่น เว็บไซต์คุณเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับโรงแรมหรือการท่องเที่ยวต่างๆภายในหรือภายนอกประเทศก็ตาม ทาง Google ก็จะคัดสรรโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมหรือการท่องเที่ยวมาติดในเว็บไซต์ของคุณ 
และค่าตอบแทนก็จะมี 2 แบบซึ่งจะมีการคำนวนที่ต่างกันดังนี้ค่ะ

          1.1 จ่ายผลตอบแทนเมื่อคลิกโฆษณา  (Pay Per Click)

           คือ จ่ายเมื่อมีคนคลิกโฆษณา นั้นคือ Google จะจ่ายเงินให้เราทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาซึ่งอยู่ในเว็บไซต์ของเราแบบนี้ต่อให้มีคนเข้าเว็บไซต์ของเราเป็นหมื่น ๆ คนต่อวัน แต่ไม่มีคนคลิก เราก็ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียวค่ะ

         2.1 จ่ายผลตอบแทนเมื่อแสดงโฆษณา (Pay Per Impression - CPM)

           คือ การจ่ายเมื่อโฆษณาแสดงผล โดย Google ทุกๆ 1,000 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องมีการคลิกโฆษณาก็ได้ แต่ค่าตอบแทนจะน้อยกว่าถ้าเทียบกับแบบ Pay Per Click ค่ะ
สรุป รายได้ที่จะได้จาการแสดงโฆษณามีหลักเกณฑ์ ดังนี้น่ะค่ะ 
        1. แสดงโฆษณา ครบ 1,000 ครั้ง 
        2. ต้องมีผู้เยี่ยมชมคลิกโฆษณาด้วย ถ้าหากไม่มีผู้คลิกโฆษณาเลย รายได้นี้ก็ยังไม่คิดให้จนกว่าจะมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์คลิกโฆษณาด้วยเท่านั้น


รูปแบบโฆษณาของ Google AdSense

               Google AdSense เค้ามีรูปแบบโฆษณาอยู่หลายแบบให้เราได้เลือกใช้กัน ก่อนที่เราจะไปสร้างโค้คโฆษณาเพื่อมาวางที่เว็บไซต์ของเรา เราต้องเลือกรูปแบบการโฆษณาแบบที่เราต้องการก่อน ซึ่ง Google AdSense มีรูปแบบให้เลือกอยู่ 4 แบบด้วยกันค่ะ

1. AdSense for Content 
               ทาง Google AdSense จะทำการสำรวจเว็บไซต์ของเราก่อน เพื่อให้รู้ว่าเว็บไซต์ของเราเป็นแบบไหนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร แล้ว Google AdSense ก็จะนำโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรามาแสดงโดยอัตโนมัติ ซึ่ง AdSense for Content ยังแบบรูปแบบย่อยๆ เป็น 2 รูปแบบ คือ
  • Ad unit จะเป็นการโฆษณาในรูปแบบแบนเนอร์ และเราสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการให้เป็นแบนเนอร์แบบข้อความโฆษณาหรือแบนเนอร์แบบรูปภาพ เลือกได้ตามต้องการเลยค่ะ
แบบข้อความ
แบบรูปภาพ

เทคนิคการสมัคร Google AdSense ให้ผ่านแบบชิวๆ

ดิฉันมีเทคนิคง่ายๆ ให้โอกาศในการสมัคร Google AdSense มาขึ้นค่ะ ^ ^

           1. เนื้อหาในเว็บไซต์ต้องไม่น้อยเกินไป ซึ้งควรจะมี 10 บทความขึ้นไป และควรมีภาพประกอบให้ดูน่าเชื่อถือ
           2. เว็บไซต์ต้องให้งานได้สมบูรณ์ ไม่มีลิงค์เสีย เมนูสามารถใช้งานได้
           3. เนื้อหาในเว็บไซต์มีทิศทางเดียวกัน ควรมีเนื้อหาทีมีความสอดคล้องกัน และการลงโฆษณาก็ควรที่จะเลือกโฆษณาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน
           4. ควรเป็นเว็บไซต์ที่สร้างมาก่อนแล้วระยะหนึ่ง และยังต้องมีการอัฟเดทอยู่เสมอ
           5. เนื้อหาในเว็บไซต์มีคุณภาพ
           6. สมัครโดยใช้ Blogger เนื่องจากเป็นบริการของ Google จำทำให้มีโอกาศได้รับการอนุมัติมากกว่า และใช้เวลาในการพิจารณาน้อยกว่าด้วย และที่สำคัญควรใช้ Gmail ในการสมัครจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ
           7. กรอกข้อมูลในการสมัครให้ถูกต้องชัดเจน และต้องกรองเป็นภาษาอังกฤษด้วยน่ะค่ะ
           8. ไม่ละเมิดนโยบายของ Google AdSense เช่น ต้องไม่มีเนื้อหาที่นำเสนอความรุนแรง, การเหยียดเชื้อชาติ, การพนัน เป็นต้นค่ะ และกฎเหล็กอีก 1 ข้อที่ลืมไม่ได้เลย คือ ห้ามคลิกโฆษณาตัวเองเด็ดขาด



ศูนย์ช่วยเหลืออย่างเป็นทางการของ AdSense ::  
http://support.google.com/adsense/?hl=th

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 16, 2555

Google AdSense คืออะไร? และทำเงินได้ยังไง?

                   การทำงานของ Google AdSense เราแค่มีเว็บไซต์หรือบล็อกของตัวเอง แล้วไปสมัครลงทะเบียนกับ Google AdSense เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว สามารถนำโค้คโฆษณามาติดในเว็บไซต์หรือบล็อกของเราได้ จากนั้นโฆษณาของ Google AdSense จะแสดงขึ้นในหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา ซึ่งโฆษณาเหล่านั้นมาจากผู้ที่ทำโฆษณากับ Google AdWords (เป็นบริการการโฆษณาของ Google แบบ Pay Per Click ) นั่นเองค่ะ
                   เราจะได้เงินค่าโฆษณาเมื่อมีคนมาคลิกโฆษณาในเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา ย้ำ!! แค่คลิกเท่านั้นน่ะค่ะ เราก็จะได้เงินยิ่งมีคนคลิกโฆษณามากเท่าไรเราก็ยิ่งได้เงินมากเท่านั้นค่ะ แต่รายได้ต่อคลิกจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับค่าโฆษณาที่เจ้าของโฆษณาตกลงจ่ายให้กับ Google AdWords นั่นเองค่ะ

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 15, 2555

สำรวจความนิยมของตลาด

                     ดิฉันของแนะนำให้รู้จักกับ Google Trends คือบริการของ Google เป็นการหยิบข้อมูลทางการตลาดที่ Google ครอบครองมาแบ่งปันให้เรารู้ และเราสามารถตรวจสอบผ่าน Google Trends ได้ว่า คีย์เวิร์ดไหนได้รับความนิยมมากกัน เช่น ดิฉันต้องการทราบความนิยม ระหว่าง nokia, samsung, sony, iphone,BB โทรศัพท์ยี่ห้อไหนที่ได้รับความนิยมมากกว่ากัน ซึ่งดิฉันใช้ Google Trends ในการตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าเทรนด์ในแต่ละช่วงมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ซึ่งสามารถดูข้อมูลได้เฉพาะประเทศหรือท้องถิ่นได้ว่าในท้องถิ่นนั้นๆ นิยมอะไรมากกว่ากัน ดิฉันจึงถือได้ว่า Google Trends นั้นเป็นบริการที่มีประโยชน์ช่วยให้เราวางแผนการตลาดได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ



Google Trends
Powered By Blogger